เมนู

การกลืนดาบ กว่าการพูดว่าจะให้สิ่งของและ
กว่าการให้สิ่งของที่รักนั้น. เหตุอย่างอื่นทั้ง
หมดเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย ข้าแต่พระเจ้ามคธ ขอ
พระองค์โปรดทรงทราบอย่างนี้.
[1013] อายุรบัณฑิตแก้ปัญหาแล้ว และปุกกุส-
บัณฑิต ก็แก้ปัญหาแล้ว ส่วนเสนกบัณฑิต
ครอบงำปัญหาหมดทุกข้อว่า คนให้ทานแล้วไม่
ควรร้อนใจภายหลัง อย่างที่เสนกบัณฑิตพูด.

จบ ทสัณณกชาดกที่ 6

อรรถกถาทสัณณกชาดกที่ 6



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
การยั่วยวนของภรรยาเก่า จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า ทสณฺณกํ
ติขิณธารํ
ดังนี้.
ดังจะกล่าวโดยย่อ พระศาสดาตรัสถาม ภิกษุนั้นว่า ได้ทราบว่า
เธอกระสันอยากสึกจริงหรือ ? เมื่อเธอทราบทูลว่า จริงพระเจ้าข้า ตรัส
ถามต่อว่า ใครยั่วให้กระสัน ? เมื่อเธอทูลว่า ภรรยาเก่าพระเจ้าข้า
จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ หญิงนี้ทำอนัตถะให้เธอ ไม่เฉพาะในบัดนี้ แม้

ในชาติก่อน เธออาศัยหญิงนี้กำลังจะตายเพราะโรคเจตสิก ได้อาศัย
บัณฑิตจึงได้ชีวิตไว้ แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้:-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร
พาราณสี พระโพธิสัตว์กำเนิดในตระกูลพราหมณ์. ญาติทั้งหลายได้ตั้ง
ชื่อเขาว่า เสนกกุมาร. เขาเติบโตแล้วได้เรียนศิลปะทุกชนิด ในเมือง
ตักกศิลาจบแล้วก็กลับเมืองพาราณสี ได้เป็นอำมาตย์ ผู้ถวายอรรถธรรม
พระเจ้ามัทวะ. ท่านถูกคนทั้งหลายเรียกว่า เสนกบัณฑิต รุ่งโรจน์ทั่ว
ทั้งนคร เหมือนดวงจันทร์และดวงอาทิตย์. ครั้งนั้น บุตรของราชปุโรหิต
มาเฝ้าในหลวง เห็นอัครมเหสีของพระราชา ผู้ทรงพระรูปโฉมสูงส่ง
ทรงประดับเครื่องทรงครบถ้วน มีจิตปฏิพัทธ์ไปบ้านแล้วนอนอดอาหาร
ถูกเพื่อนฝูงถามจึงบอกเนื้อความนั้น. พระราชาตรัสถามว่า ไม่เห็นบุตร
ของปุโรหิต ไปไหนเล่า ? ได้ทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึงตรัสสั่งให้
เขาเข้าเฝ้า แล้วตรัสว่า ฉันจะมอบให้ท่าน 7 วัน จะเอาพระอัครมเหสี
นี้ไปไว้ที่บ้าน 7 วัน ในวันที่ 8 จึงนำมาส่ง. เขารับพระบรมราช-
โองการแล้ว นำอัครมเหสีไปบ้านร่วมอภิรมย์กับพระนาง. บุตรปุโรหิต
และอัครมเหสีนั้น ต่างก็มีจิตรักใคร่กันพากันหนีไปทางประตูยอดนั้น
เอง โดยไม่ให้ใครรู้ ได้ไปที่แว่นแคว้นของพระราชาองค์อื่น. ใคร ๆ
ก็ไม่รู้ที่ที่คนทั้ง 2 ไปแล้ว ไม่มีร่องรอย เป็นเสมือนทางที่เรือผ่านไป
แล้วฉะนั้น. ถึงพระราชาทรงให้ตีกลองป่าวประกาศไปในพระนคร
ค้นหาโดยประการต่าง ๆ ก็ไม่รู้ที่ที่เขาไป. ต่อมาพระองค์ทรงเกิดความ

เศร้าโศกเป็นกำลังเพราะอาศัยเขา. พระหทัยร้อน พระโลหิตไหลออก.
ได้มีพระพยาธิขนาดหนัก. หมอหลวง มากมาย ก็ไม่สามารถจะเยียว
ยาได้. พระโพธิสัตว์รู้ว่า พระราชานี้ ไม่มีพระพยาธิอะไร แต่พระองค์
ไม่ทรงเห็นพระมเหสี จึงถูกพระโรคจิตกระทบ เราจักใช้อุบายแก้ไข
พระองค์ แล้วจึงเรียกอำมาตย์ผู้เป็นราชบัณฑิต 2 คนคือ อายุรอำมาตย์
1 ปุกกุสอำมาตย์ 1 มาหาแล้วบอกว่า พระราชาไม่ทรงมีพระโรคอื่น
เว้นไว้แต่พระโรคจิต เพราะไม่ทรงเห็นพระราชเทวี พระราชาทรงมี
พระอุปการะแก่เรามาก เพราะฉะนั้น พวกเราจะใช้อุบายแก้ไขพระ-
องค์ คือจักให้คนแสดงการเล่นที่พระลานหลวงแล้วจะให้ผู้รู้วิธีกลืนดาบ
กลืนดาบให้พระราชาประทับยืนทอดพระเนตรการเล่นที่ช่องพระแกล.
พระราชาทรงทอดพระเนตรคนกลืนดาบแล้ว ก็จักตรัสถามปัญหาว่า ยัง
มีบ้างไหมสิ่งอื่นที่ทำได้ยากกว่านี้ ? สหายอายุระ เธอควรทูลแก้ปัญหา
นั้นว่า การพูดว่า เราจะให้ของชื่อนี้ เป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่านี้ สหาย
ปุกกุส ต่อนั้นไป พระองค์ก็จะตรัสถามเธอ เธอควรทูลแก้ถวายพระ-
องค์ว่า เมื่อคนพูดว่าจะให้แต่ไม่ให้ วาจานั้นไร้ผล คนบางเหล่าหา
เข้าถึงวาจาชนิดนั้นดำรงชีวิตอยู่ไม่ ไม่เคี้ยวกิน ไม่ดื่ม ซึ่งไม่ทำให้
เหมาะสมแก่ถ้อยคำนั้น ส่วนการให้ประโยชน์ตามที่ปฏิญญาไว้นั่นแหละ
การให้ของผู้นั้น ทำได้ยากกว่า การพูดว่าจะให้. ต่อจากนั้นไป ผมก็
จักรู้เหตุอื่นที่จะต้องทำแก้ปัญหา ดังนี้แล้วได้ให้แสดงการเล่น. ลำดับ

นั้นบัณฑิตทั้ง 3 เหล่านั้น พากันไปราชสำนัก กราบทูลว่า ขอเดชะ
ผ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ที่พระลานหลวงการเล่น
กำลังแสดง เมื่อคนทั้งหลายดูการเล่นอยู่. แม้ทุกข์ก็ไม่เป็นทุกข์ ขอ
ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจงเสด็จเถิด ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะไปดู แล้ว
ได้นำพระราชาไปเปิดช่องพระแกลให้พระองค์ทอดพระเนตรการเล่น
คนจำนวนมากต่างพากันแสดงศิลปะที่ตนรู้ ๆ. ชายคนหนึ่งกลืนดาบแก้ว
ที่มีคมคมกริบ ยาว 33 นิ้ว. พระราชาทอดพระเนตรชายคนนั้นแล้ว
ทรงดำริว่า ชายคนนี้กลืนดาบอย่างนี้ เราจักถามบัณฑิตเหล่านี้ว่า มี
อยู่หรือไม่การเล่นอย่างอื่นที่ทำได้ยากกว่านี้ แล้วเมื่อตรัสถามอายุร-
บัณฑิต จึงตรัสคาถาที่ 1 ว่า :-
ชายคนนี้กลืนดาบทสรรณกะ ที่มีคมอันคม
กริบ ดื่มเลือดผู้อื่นที่กระทบแล้ว ฟันแล้วใน
ท่ามกลางบริษัทยังมีไหม สิ่งที่ทำได้ยากกว่า
การกลืนดาบนี้ ท่านถูกเราถามแล้ว จงบอก
เหตุอย่างอื่นที่ทำได้ยากกว่าแก่เรา.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทสณฺณกํ ความว่า เกิดขึ้นที่แคว้น
ทสัณณกะ. บทว่า สุมฺปนฺนปายินํ ความว่า ที่ดื่มเลือดผู้อื่น ที่กระทบ
เข้าแล้ว. บทว่า ปริสายํ ความว่า ชายคนนี้กลืนดาบที่ท่ามกลางบริษัท
เพราะอยากได้ทรัพย์. บทว่า ยทญฺญํ ความว่า สิ่งอื่นใด คือเหตุอื่นใด

ที่ทำได้ยากกว่าการกลืนดาบนี้มีอยู่ ท่านถูกเราถามแล้ว จงบอกเหตุนั้น
แก่เรา.
ลำดับนั้นอายุรบัณฑิต เมื่อทูลบอกพระราชา จึงกล่าวคาถา
ที่ 2 ว่า :-
ก็ผู้ใดพึงกล่าวว่า เราจะให้การกล่าวของ
เขานั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่า การกลืนดาบที่
ดื่มโลหิตของผู้อื่นที่กระทบเข้าแล้ว ของชาย
คนนั้น เพราะความโลภ เหตุอย่างอื่นทุกอย่าง
เป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย ข้าแต่พระเจ้ามคธ ขอ
พระองค์โปรดทรงทราบอย่างนี้เถิด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วชฺชา ความว่า พึงกล่าว. บทว่า ตํ
ทุกฺกรตรํ
ความว่า การพูดว่า เราจักให้นั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่านั้น.
บทว่า สพฺพญฺญํ ความว่า เหตุอย่างอื่นแม้ทุกอย่างเว้นไว้แต่การพูด
ว่า เราจักให้ของชื่อนี้แก่ท่าน เป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย. อายุรบัณฑิตร้องเรียก
พระราชาโดยพระโคตรว่า พระเจ้ามคธ.
เมื่อพระราชาทรงสดับคำของอายุรบัณฑิตแล้ว ทรงพิจารณา
ถ้อยคำนั้นนั่นแหละว่า ได้ทราบว่า การพูดว่า เราจะให้สิ่งของชื่อนี้เป็น
สิ่งที่ทำได้ยากกว่าการกลืนดาบ และเราก็ได้พูดออกไปแล้วว่า เราจักให้

พระราชเทวีแก่บุตรของปุโรหิต เราทำกรรมที่ทำได้ยากแล้วหนอ ความ
เศร้าโศกในพระราชหฤทัยเบาบางไปแล้วหน่อยหนึ่ง พระองค์ทรงดำริว่า
แต่กรรมอย่างอื่นที่ทำได้ยากกว่าการพูดว่า เราจะให้ของสิ่งนี้แก่ผู้อื่นนั้น
ยังมีอยู่หรือไม่หนอ เมื่อทรงปราศรัยกับปุกกุสบัณฑิต จึงตรัสคาถา
ที่ 3 ว่า :-
อายุรบัณฑิตผู้ฉลาดในธรรม กล่าวแก้
ข้อความแห่งปัญหาแล้ว. บัดนี้ เราจะขอถาม
ปุกกุสบัณฑิตว่า สิ่งที่ทำได้ยากกว่า การบอก
ว่าเราจะให้นั้นยังมีอยู่หรือ มีเหตุอย่างอื่นใด
ที่ทำได้ยาก ท่านผู้ถูกเราถามแล้ว จงบอกเหตุ
นั้นแก่เรา.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปญฺหํ อตฺถํ มีคำอธิบายว่า กล่าว
แก้ข้อความแห่งปัญหาแล้ว. บทว่า ธมฺมสฺส โกวิโท ได้แก่ผู้ฉลาด
ในอรรถที่ส่องถึงข้อความของธรรมะนั้น. บทว่า ตโต ความว่า สิ่งที่
ทำได้ยากกว่าการพูดนั้นมีอยู่หรือ.
ลำดับนั้นปุกกุสบัณฑิต เมื่อจะทูลแก้ปัญหาถวายพระองค์ จึง
กล่าวคาถาที่ 4 ว่า :-

คนทั้งหลายไม่รักษาคำที่พูดไว้ คำที่พูด
ที่เปล่งออกไปนั้นไม่มีผล และผู้ใดให้ปฏิญ-
ญาไว้แล้ว ก็บั่นทอนความโลภได้ การบั่นทอน
ความโลภของผู้นั้นนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่า
การกลืนดาบและการให้ปฎิญญานั้น เหตุอย่าง
อันทุกอย่างเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย ข้าแต่พระเจ้า
มคธ ขอพระองค์โปรดทรงทราบอย่างนี้เถิด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทตฺวา ความว่า ให้ปฏิญญาไว้ว่า
เราจะให้สิ่งของชื่อโน้น. บทว่า อวากยิรา มีคำอธิบายไว้ว่า บุคคลเมื่อ
ให้ข้อความที่ได้ปฏิญญาไว้แล้วนั้น บั่นทอนคือทำลายความโลภทิ้งใน
เพราะปฏิญญานั้น และพึงให้สิ่งของนั้น. บทว่า ตโต ความว่า การ
บั่นทอนคือการให้สิ่งของนั้นนั่นแหละ ทำได้ยากกว่าการกลืนดาบและ
การพูดว่าจะให้สิ่งของชื่อนั้นแก่ท่านนั้น.
แม้เมื่อพระราชาทรงสดับคำนั้นแล้ว ทรงปริวิตกอยู่ว่า เราพูด
ก่อนแล้วว่า เราจะให้พระเทวีแก่บุตรปุโรหิต ก็ได้ให้พระเทวี ทำให้
สมแก่การพูดแล้ว เราได้ทำกรรมที่ทำได้ยากแล้วหนอ ความเศร้าโศก
เบาบางลงกว่าเดิม. ลำดับนั้น พระองค์ได้มีพระปริวิตกว่า คนอื่นที่ชื่อ
ว่าเป็นผู้ฉลาดกว่าเสนกบัณฑิตไม่มี เราจักถามปัญหานี้กะเสนกบัณฑิต
นั่น. ลำดับนั้น พระองค์เมื่อตรัสถามปัญหา จึงตรัสคาถาที่ 5 ว่า :-

ปุกกุสบัณฑิตผู้ฉลาดในธรรม กล่าวแก้ข้อ
ความแห่งปัญหาแล้ว บัดนี้ เราจะถามเสนก
บัณฑิตว่า สิ่งที่ทำได้ยากกว่าการให้สิ่งของนั้น
ยังมีอยู่หรือ เหตุอย่างอื่นใดที่ทำได้ยากยังมี
อยู่ ท่านถูกเราถามแล้ว ขอจงบอกเหตุอื่นที่
ทำได้ยากกว่าแก่เรา.

เสนกบัณฑิต เมื่อจะทูลแก้ปัญหาถวายพระองค์ จึงกล่าวคาถา
ที่ 6 ว่า :-
คนควรให้ทานจะน้อยหรือมากก็ไม่ว่า แต่
ผู้ใดครั้นให้แล้ว ไม่เดือดร้อนใจในภายหลัง
การไม่เดือดร้อนใจนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่า
การกลืนดาบกว่าการพูดว่าจะให้สิ่งของ และ
กว่าการให้สิ่งของที่รักนั้น. เหตุอย่างอื่นทั้ง
หมด เป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย ข้าแต่พระเจ้ามคธ
ขอพระองค์โปรดทรงทราบอย่างนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นานุตปฺเป ความว่า ผู้ใดครั้นให้
ของรัก ที่ตนรักใคร่ ที่ตนชอบใจอย่างยิ่งแก่ผู้อื่นแล้ว ไม่ปรารภถึงของ
รักนั้น เดือดร้อนใจภายหลัง คือไม่เศร้าโศกอย่างนี้ว่า เราให้ของสิ่งนี้

เพื่ออะไร การไม่เศร้าโศกนี้ เป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่า การกลืนดาบ กว่า
การพูดว่าเราจะให้สิ่งของชื่อนี้แก่ท่าน และกว่าการให้สิ่งของนั้น พระ-
มหาสัตว์กราบทูลให้พระราชาทรงรับทราบด้วยประการอย่างนี้. เพราะ
ว่า ครั้นให้ทานแล้ว เจตนาในกาลต่อมาจะเป็นสิ่งที่ควรแก่ความเชื่อ
ได้ยาก ความที่อปรเจตนานั้นควรแก่ความเชื่อได้ยาก เป็นของทำได้ยาก
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงไว้แล้ว แม้ในเวสสันดร. สมจริงตามที่
ตรัสไว้ว่า :-
พระมหาสัตว์ทรงถือธนู แล้วทรงคาด
พระขรรค์ไว้เบื้องซ้าย ทรงนำพระราชโอรส
และพระราชบิดา ของพระองค์ออกไป เพราะ
ว่า คนฆ่าบุตรก็เป็นทุกข์ ข้อที่พระราชกุมาร
และพระราชบิดาทั้งหลาย เดือดร้อนมีทุกข์
เป็นรูป นั้นไม่ใช่ฐานะที่เป็นไปได้. และใครรู้
ธรรมของสัตบุรุษแล้ว แต่ให้ทานแล้วก็เดือด
ร้อนในภายหลัง.

ฝ่ายพระราชาแล ครั้นทรงสดับคำของพระโพธิสัตว์แล้ว ทรง
กำหนดว่า เราให้พระราชเทวีแก่บุตรปุโรหิต ด้วยดวงใจของตนนั่นเอง
แต่ไม่อาจจะทรงไว้ซึ่งดวงใจของตนได้ เศร้าใจ ลำบากใจอยู่ ข้อนี้ไม่

สมควรแก่เรา ถ้าหากพระราชเทวีนั้น พึงมีความเสน่หาในเราไชร้ เธอ
คงไม่ทอดทิ้งอิสริยยศนี้หนีไป. แต่เมื่อเธอไม่ทำความเสน่หาในเราหนี
ไปแล้ว เราจักมีประโยชน์อะไร. เมื่อพระองค์ทรงดำริถึงข้อนี้อยู่ ความ
เศร้าโศกทั้งหมดก็กลับหายไป เหมือนหยดน้ำที่กลิ้งตกไปจากใบบัว
ฉะนั้น. ในทันใดนั่นเองพระนาภีของพระองค์ก็หยุดนิ่ง พระองค์ทรง
ไร้พระโรคทรงพระเกษมสำราญ เมื่อจะทรงทำการสดุดีพระโพธิสัตว์
จึงตรัสพระคาถาสุดท้ายว่า :-
อายุรบัณฑิตแก้ปัญหาแล้ว และปุกกุสุ-
บัณฑิตก็แก้ปัญหาแล้ว ส่วนเสนกบัณฑิต
ครอบปัญหาหมดทุกข้อว่า คนให้ทานแล้ว ไม่
ควรเดือดร้อนใจ ภายหลัง อย่างที่เสนกบัณฑิต
พูด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยถา ภาสติ ความว่า ธรรมดาว่า
ทานนั้น คนให้แล้วไม่ควรเดือดร้อนใจ ๆ ภายหลัง เหมือนที่เสนกบัณฑิต
พูดนั้นแหละ.
ก็พระราชาครั้นทรงทำการสดุดีแล้ว ทรงพอพระราชหฤทัยแล้ว
ได้พระราชทานทรัพย์เป็นอันมากแก่เสนกบัณฑิตนั้น.
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มา ทรงประกาศสัจ-
ธรรมทั้งหลายแล้ว ทรงประชุมชาดกไว้ ในที่สุดแห่งสัจธรรม ภิกษุผู้

กระสันจะสึกนั้น ตั้งอยู่แล้วในโสดาปัตติผล พระราชมเหสีในครั้งนั้น
ได้แก่ภรรยาเก่าในบัดนี้ พระราชาได้แก่ภิกษุผู้กระสันจะสึก อายุร-
บัณฑิต ได้แก่พระโมคคัลลานเถระ ปุกกุสบัณฑิต ได้แก่พระสารีบุตร
เถระ ส่วนเสนกบัณฑิต ได้แก่เราตถาคต ฉะนั้นแล.
จบ อรรถกถาทสัณณกชาดกที่ 6

7. เสนกชาดก



ว่าด้วยผู้มีปัญญาช่วยคนอื่นได้



[1014] ท่านหัวเสีย มีอินทรีย์ คือนัยตาโรยแล้ว
น้ำตาไหลจากตาของท่านทั้ง 2 ข้าง ท่านสูญ
เสียอะไรไปหรือ ก็ท่านต้องการอะไรจึงมา
ที่นี่ เชิญเถิด เชิญบอกให้เราทราบเถิด.
[1015] ยักษ์รุกขเทวดาบอกว่า วันนี้เมื่อข้าพเจ้า
ไปถึงบ้านเมียของข้าพเจ้าจะตาย แต่ถ้าข้าพเจ้า
ไปไม่ถึงก็จะมีความตายเอง. ข้าพเจ้าหวาดหวั่น
เพราะทุกข์นั้น ข้าแต่ท่านเสนกะ ขอท่านจง
บอกเหตุนั้นแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด.
[1016] เราคิดค้นหาเหตุหลายอย่าง บรรดาเหตุ
เหล่านี้ เหตุที่เราจะบอกนั่นแหละเป็นของจริง
ดูก่อนพราหมณ์ เราเข้าใจว่า งูเห่าหม้อตัวหนึ่ง
ได้เลื้อยเข้าไปอยู่ในไถ้ข้าวตูของท่านผู้ไม่รู้สึก.
[1017] ท่านจงเอาท่อนไม้เคาะไถ้ดูเถิด จะเห็น
งูมีลิ้น 2 แฉก พ่นพิษเลื้อยออกมา ท่านจะ